วัดพระสิงห์

  • ข้อมูลทั่วไป
ชื่อวัดพระสิงห์
ที่อยู่๒
โทรศัพท์๐ ๕๓๒๗ ๘๗๕๒
โทรสาร
จังหวัดเชียงใหม่
อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลพระสิงห์

                   วัดพระสิงห์ เป็นวัดที่เก่าแก่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูสวนดอก ซึ่งเป็นประตูกำแพงเมืองชั้นในด้านทิศตะวันตกแต่เดิมมาเป็นวัดป่าอยู่ด้านทิศตะวันตกของ ลีเชียง ซึ่งแปลว่า ตลาดประจำเมืองเมืองสร้างวัดขึ้นบริเวณนั้นแล้วชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดลีเชียง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าคำฟูครองเมืองเชียงใหม่<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:office" />

                ครั้นประมาณปีพุทธศักราช ๑๘๗๗  พระเจ้าคำฟูได้ย้ายจากเชียงใหม่ไปครองเมืองเชียงแสนเป็นเวลาประมาณ ๑๐  ปีเศษ ก็สวรรคต  พระเจ้าผายูราชโอรส กษัตริย์แห่งล้านนา  อันดับที่ ๗   ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ระหว่าง  ปีพุทธศักราช ๑๘๘๗ ๑๙๑๐  ได้อัญเชิญพระอัฐิและพระอังคารของพระราชบิดามายังเชียงใหม่ และโปรดให้ก่อพระสถูปบรรจุไว้ที่ วัดลีเชียง  ขณะเดียวกันก็ได้โปรดให้สร้างวิหารขึ้นไว้แล้วโปรดให้นิมนต์พระมหาอุภัยจุลเถระจากนครหริภุญไชยมาเป็นเจ้าอาวาสวัดลีเชียงเมื่อปีพุทธศักราช ๑๘๘๘ ได้จัดให้มีมหกรรมฉลองสมโภช พร้อมกับขนานนามว่า  วัดลีเชียงพระ   ซึ่งชวนให้คิดว่าการสร้างพระวิหารและพระสถูปบรรจุพระอัฐิพระเจ้าคำฟูก็ดี การนิมนต์พระมหาเถระที่เป็นปราชญ์มาเป็นเจ้าอาวาสก็ดี  น่าจะถือว่าเป็นนิมิตหมายแห่งการยกฐานะวัดสามัญขึ้นพระอารามหลวง เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ราชสกุลในสมัยนั้น   ครั้นต่อมาหลังจากปี พุทธศักราช ๑๙๔๓ เจ้ามหาพรหม ซึ่งได้อาศัยเจ้าเมืองกำแพงเพชรอยู่นั้น ได้กลับมายังเมืองเชียงใหม่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์  มาถวายพระเจ้าแสนเมืองมาด้วย     พระเจ้าแสนเมืองมาจึงได้โปรดให้ไปประดิษฐานไว้ ณ พระวิหารวัดลีเชียงพระ ตั้งแต่บัดนั้นมาประชาชนทั่วไปนิยมเรียกวัดนี้ว่า วัดพระสิงค์ มาตราบเท่าทุกวันนี้

                วัดพระสิงห์ได้กลายเป็นศูนย์กลางการชุมนุมประกอบพิธีและงานสำคัญต่าง ๆ ของชาวเมืองเชียงใหม่สืบต่อมาโดยตลอด จนกระทั่งในปี พุทธศักราช ๒๓๑๙ เมืองเชียงใหม่ได้ตกเป็นเมืองร้างเป็นเหตุให้วัดพระสิงห์กลายเป็นวัดร้างไปด้วย

                ถึงปีพุทธศักราช  ๒๓๓๙ พระยากาวิละในราชวงศ์ทิพย์ช้าง ได้เป็นเจ้าผู้ครองนครและฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง  ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๑  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  วัดพระสิงห์ได้เจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง  มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังพระวิหารลายคำ ในรัชสมัยของเจ้าหลวงช้างเผือก (ธรรมลังกา)

ต่อมาประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ วัดพระสิงห์กลับมาเป็นวัดร้างอีกครั้งหนึ่ง และวัดอื่น ๆ มีวัดเจดีย์หลวง วัดสวนดอก และวัดเจ็ดยอด มีสภาพเป็นวัดร้างเหมือนกันหมด

                และในปีพุทธศักราช ๒๔๖๗  เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่อันดับที่ ๙ ในราชวงศ์ทิพย์ช้างกับเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ ๕ ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระสิงห์ขึ้นใหม่  โดยมีครูบาศรีวิชัย เป็นประธานดำเนินการ ได้ก่อสร้างถาวรวัตถุและอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นเป็นหลักฐานมั่นคง มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาเพิ่มมากขึ้น

                วัดพระสิงห์ ได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดมหาวรวิหาร เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๓ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

ปิด